ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช. เพิ่มคลินิกชุมชนอบอุ่นรองรับคน กทม. หลังล่าสุดมีคลินิกบัตรทอง ยกเลิกสัญญา 30 แห่ง ยืนยันมีงบประมาณพร้อมจ่าย เหลือเพียงคลินิกต้องยืนยันข้อมูลความถูกต้อง พร้อมแนะวิธีประชาชน เมื่อถูกปฏิเสธใบส่งตัว

 

 

จากกรณีผู้แทนกลุ่มบริการ หรือคลินิกชุมชนอบอุ่น ออกมาขีดเส้น หากสปสช.ไม่จ่ายงบที่คงค้าง มีการหารือในเครือข่ายคลินิกชุมชนอบอุ่น กทม.กว่า 200 แห่ง จะขอไม่ออกใบส่งตัว ไม่จ่ายยาโรคเรื้อรัง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป แต่ยังรักษาโรคทั่วไปตามเดิม ขณะเดียวกันประสานรพ.และศูนย์บริการสาธารณสุขจ่ายยาแทน ยืนยันไม่ได้เอาประชาชนเป็นตัวประกัน ขณะเดียวกันในสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า ขณะนี้คลินิกบัตรทองทยอยลาออกเข้าร่วมกับ สปสช. 30 แห่งนั้น

 

สปสช. คลินิกบัตรทองยกเลิกสัญญา 30 แห่ง

ล่าสุดวันที่ 2 ตุลาคม พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2567 มีคลินิกชุมชนอบอุ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ได้ขอยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) จำนวน 30 แห่ง ซึ่งดูแลประชากรผู้มีสิทธิฯ จำนวน 108,316 คน

ขณะนี้ สปสช. เขต 13 กทม. ได้ดำเนินการลงทะเบียนหน่วยบริการใหม่ให้กับประชากรดังกล่าวแล้ว ทั้งที่หน่วยบริการปฐมภูมิ จำนวน 110 แห่ง และหน่วยบริการประจำ จำนวน 23 แห่ง และหน่วยบริการรับส่งต่อ จำนวน 16 แห่ง โดยพิจารณาความเหมาะสมตามข้อมูลทะเบียนบ้าน เช่น เลือกหน่วยบริการปฐมภูมิที่อยู่ใกล้ที่สุด จัดสรรผู้มีสิทธิบัตรทองในครอบครัวเดียวกันไปรับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิเดียวกัน การปรับเกลี่ยผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่คำนึงถึงภาระหน่วยบริการ เป็นต้น

ทั้งนี้ ในจำนวนคลินิกชุมชนอบอุ่นที่ขอยกเลิกสัญญาฯ ข้างต้นนี้ มี 18 แห่ง ที่ขอร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบฯ หรือเป็นคลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่นแทน และมี 14 แห่ง ที่ได้สิ้นสุดสัญญาการเป็นหน่วยบริการกับ สปสช. เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา

 

แนะแนวทางถูกปฏิเสธใบส่งตัว

 

กรณีที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ประชาชนส่วนหนึ่งที่เข้ารับบริการเมื่อวานนี้ (1 ต.ค. 67) เกิดปัญหาติดขัดต่างๆ ในการเข้ารับบริการและโทรเข้ามายังสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อสอบถาม ขอข้อมูล และมีกรณีร้องเรียนร้องทุกข์ ส่วนใหญ่เป็นกรณีถูกปฏิเสธการส่งตัวทั้งที่เคยได้รับการส่งตัวแล้ว หรือถูกปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลรับส่งต่อ เป็นต้น 

             

โดย สายด่วน สปสช. 1330 ได้เร่งประสานกับหน่วยบริการในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแล้ว และเพื่อให้การดำเนินการของหน่วยบริการไปในทิศทางเดียวกัน สปสช. ได้ส่งหนังสือซักซ้อมความเข้าใจแนวทางการให้บริการผู้ป่วยนอกกรณีคลินิกชุมชนอบอุ่นลาออกจากระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ไปยังหน่วยบริการใน กทม. ทุกแห่ง ทั้งศูนย์บริการสาธารณสุข โรงพยาบาลสังกัดหน่วยงานต่างๆ รวมถึงโรงเรียนแพทย์ เพื่อขอความร่วมมือในแนวทางการให้บริการ ไม่ให้มีผลกระทบต่อการรับบริการของประชาชน ดังนี้

             

1. กรณีประชาชนมีใบส่งตัวเดิมและยังไม่หมดอายุในวันที่เข้ารับบริการ ซึ่งเป็นการส่งต่อจากหน่วยบริการปฐมภูมิต้นสังกัดแห่งเดิม ขอให้หน่วยบริการที่ระบุในใบส่งตัวให้บริการแก่ผู้มีสิทธิ โดยไม่ต้องให้ผู้มีสิทธิกลับไปขอใบส่งตัวจากหน่วยบริการปฐมภูมิตันสังกัดแห่งใหม่ และให้ใช้เลขใบส่งตัวเดิมในการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการ ทั้งนี้ขอความร่วมมือหน่วยบริการที่รักษาสรุปประวัติการรักษาและทำความเข้าใจกับผู้มีสิทธิ ให้กลับไปรับบริการหน่วยปฐมภูมิแห่งใหม่ เพื่อพิจารณาการรักษาหรือส่งต่อกรณีเกินศักยภาพ

             

2. กรณีประชาชนไม่มีใบส่งตัว ให้หน่วยบริการพิจารณาให้ผู้รับบริการใช้สิทธิอุบัติเหตุ/ฉุกเฉิน (OPAE) หรือเหตุสมควร (OP Anywhere) ตามแต่กรณี โดยไม่ต้องกลับไปขอรับใบใบส่งตัว

             

3. ขอความร่วมมือหน่วยบริการปฐมภูมิต้นสังกัดแห่งเดิม จัดเตรียมประวัติการรักษาให้ผู้มีสิทธิ เพื่อใช้ประกอบในการรักษาสำหรับหน่วยบริการปฐมภูมิต้นสังกัดแห่งใหม่

 

พญ.ลลิตยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สปสช. ยังอยู่ระหว่างการหารือเพิ่มเติม เพื่อจัดสรรประชากรที่ไม่ตรงกับหน่วยบริการรับส่งต่อเดิม ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นข้อร้องเรียนของประชาชนที่เข้ามาเมื่อวานนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ต่อเนื่องยังโรงพยาบาลรับส่งต่อเดิม อย่างไรก็ดีเบื้องต้นอาจต้องพิจารณาเป็นรายกรณีเร่งด่วนก่อน

 

สปสช.ยันมีงบประมาณพร้อมจ่ายคลินิกบัตรทอง  

             

พญ.ลลิตยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนที่มีคลินิกชุมชนอบอุ่นเตรียมร้องเรียนเนื่องจากยังไม่ได้รับเงินชดเชยค่าบริการในปีงบประมาณ 2567 จาก สปสช. นั้น คลินิกชุมชนอบอุ่นอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องของการเบิกจ่าย ซึ่งทางคลินิกชุมชนอบอุ่นได้เร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เมื่อคลินิกฯตรวจสอบแล้วเสร็จ สปสช.ก็จะเตรียมนำเสนอต่อ อปสข. เขต 13 กทม. เพื่อเห็นชอบต่อไป โดยมีงบประมาณรองรับในส่วนนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงทางคลินิกชุมชนอบอุ่นตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องของการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จเท่านั้น

             

“จากการลาออกของคลินิกชุมชนอบอุ่นในขณะนี้ สปสช.ได้เพิ่มคลินิกเอกชนเข้ามาเป็นคลินิกชุมชนอบอุ่นเพิ่มเติม ซึ่งได้สมัครขึ้นทะเบียนในระบบกับ สปสช.แล้ว เพื่อรองรับการให้บริการประชาชน และจากนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่จะเพิ่มศูนย์บริการสาธารณสุขใน กทม. จำนวน 500 แห่ง ก็จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมความเข้มแข็งของระบบบริการสุขภาพในระดับปฐมภูมิเพื่อรองรับการให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว